รักคือ.....

ถ้ามีคนมาถามว่า คำว่า"รัก"หมายความว่าอะไร คุณจะตอบไปว่ายังไงเหรอ ช่วยบอกเราหน่อยซิ เพราะหลายคืนก่อนเราฝันร้ายมากๆ ฝันว่าเค้ากับเราทะเลาะกันขั้นรุนแรง แล้วในฝันเค้าตะคอกถามเราด้วยเสียงอันดังว่า "สำหรับมด คำว่ารักหมายความว่ายังไง" แล้วเราก็ตอบเค้าไม่ได้ ได้แต่ยืนร้องไห้ แล้วก็ตื่นขึ้นมา เลยส่ง msg ไปหาเค้าบอกว่าเราฝันร้าย ฝันว่าทะเลาะกันขั้นรุนแรง เค้าก็ส่ง msg ตอบกลับมา ก็ทำให้เราสบายใจขึ้นนิดนึง แต่จนถึงตอนนี้เค้าก็ไม่ได้ถามว่าเราฝันว่าอะไร เราเองก็เลยยังไม่ได้เล่าให้เค้าฟังเลย

แล้วสำหรับคุณ คำว่า รัก หมายความว่าอะไร
:)

เพลงในวันนั้นกับฉันในวันนี้

"หากเธอเหนื่อยล้าผิดหวัง ชีวิตไม่เป็นเหมือนที่ตั้งใจทุกๆสิ่ง และทุกๆอย่าง นั้นไม่เป็นเหมือนเคยฝันไว้หากปล่อยชีวิต ที่ผิดหวัง ให้นั่งอยู่ตรงนั้นตลอดไปวันที่เธอเฝ้ารอ..คอยด้วยหัวใจ นั้นคงจะไม่มาสักทีอยู่ที่เธอนั้นจะกล้าเปิด เปิดตา และเปิดหู และเปิดใจมองโลกด้วยมุม..มองด้านใหม่ ไม่ว่าจะร้ายหรือจะดีหากว่าวันนี้สับสน วุ่นวายและวกวนไปทุกที่ลองมองลองเปลี่ยน..มุมจากที่ยืนอยู่ตรงนี้ เปลี่ยนจนเจอที่ที่ถูกใจแค่เพียงเธอนั้นจะกล้าเปิด เปิดตา และเปิดหู และเปิดใจมองโลกด้วยมุมมองด้านใหม่ ไม่ว่าจะร้ายหรือจะดี หากเธอเหนื่อยล้าผิดหวัง ชีวิตไม่เป็นเหมือนดังฝันใฝ่จะมีสุขหรือทุกข์เท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับใจก็เท่านี้จำไว้สุขทุกข์สักแค่ไหน ขึ้นอยู่กับใจ..ของเรานี้"

เพลงนี้คนที่เรารักมากที่สุดคนนึงเป็นคนส่งมาให้ฟังเมื่อเดือนสิงหาคมของปีที่แล้ว ในตอนที่เรากำลังรู้สึกแย่ที่สุด เปิดฟังเพลงนี้ครั้งแรกก็น้ำตาไหลไม่หยุด แต่พอได้ฟังเพลงนี้หลายๆรอบ มันก็ทำให้เรายิ้มได้แล้วลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง อยากขอบคุณเค้าสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าไม่มีเค้าในวันนั้น เราคงไม่เป็นเราอย่างทุกวันนี้ เราอยากให้ใครก็ตามที่กำลังรู้สึกแย่ได้ฟังเพลงนี้ เผื่อจะได้รู้สึกดีขึ้นบ้าง :)

11:11

เราเคยดูใน series เกาหลีเรื่องนึง พระเอกพูดว่า ถ้าเรามองนาฬิกาแล้วมันเป็นเวลา 11:11 พอดีเช๊ะ แสดงว่ามีคนกำลังคิดถึงเราอยู่ บ่อยครั้งที่เรามองนาฬิกาแล้วเป็นเลขคู่ เช่น 15:15 , 12:12 , 17:17 มันเลยทำให้เราอยากรู้ความหมายของเลขอื่นๆด้วยว่ามีความหมายอะไรหรือเปล่า แต่ในความเป็นจริงแล้วเรากลับมองว่า ความคิดถึงมันไม่ได้จำกัดด้วยช่วงเวลา คนเราสามารถคิดถึงกันได้ตลอด เพราะเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เรากำลังจะข้ามเรือไปเกาะช้าง และคิดถึงเค้าเลยส่ง msg ไปหาเค้า เค้าส่งกลับมาว่า กำลังคิดถึงอยู่เลย นั่งพิมพ์ msg จะส่งหาอยู่เหมือนกัน ทั้งๆที่มันก็ไม่ใช่เวลา 11:11 แต่เราก็รู้สึกได้ว่าเรารักและคิดถึงกัน ณ เวลา 14:58:56 ......
ขอบคุณระยะทางที่ทำให้เรารู้สึกถึงความคิดถึงจริงๆ :D

c'est moi, s'il vous plait

De qui est-ce que vous pensez, c'est moi?

maybe the answer is "not"

Je t'aime tres fort mais je ne peux pas vous forcer à croire en moi

it is so sad, and no more tears to cry

Je t'aime de plus en plus chaque jour

but it means nothing to you

c'est toi que je t'aime

that all i can say

คุณพร้อมที่จะมี ความรัก..หรือยัง? "(^_^)'?

1. คุณกำลังเดินเลือกหนังสืออยู่ในร้าน เผอิญมีหนุ่มเข้ามาส่งยิ้มพร้อมทักทายสวัสดี ส่งยิ้มให้ คุณจะ. . .

ก. ก็ยิ้มตอบนะ แต่ยิ้มแบบงง ๆ

ข. อะไรกัน จำคนผิดหรือเปล่า เราไม่ได้รู้จักกันสักหน่อย

ค. เฉย ๆ รีบไปทำธุระตัวเองให้เสร็จดีกว่า

2. คุณเคยเกิดความรู้สึกแบบนี้กับใครสักคนไหม ตอนเห็นหน้าทำเป็นไม่สนใจ แต่พอเขาไม่อยู่ ก็มองหา

ก. ออกจะบ่อย ๆ

ข. เป็นบางครั้งกับบางคน

ค. คิดว่าไม่เคย

3. คุณคิดว่าคนเราจะเจอคนรู้ใจที่ใช่จริงๆ น่าจะอยู่ช่วงวัยไหนในชีวิต

ก. เลย 30 ไปแล้วมั้ง

ข. วัยไหนไม่สนใจ ถ้าใช่ก็คงมาเอง

ค. ไม่คิดว่าจะเจอหรอกในชีวิตนี้

4. เพื่อนคุณอกหักอย่างจัง คำพูดที่คุณคิดว่าจะพูดกับเพื่อนคือ. . .

ก. อกหักเพียงครั้ง…ยังไม่ตาย

ข. เห็นไหม ฉันบอกแล้ว อยู่คนเดียวดีกว่า

ค. ความรักก็เป็นแบบนี้แหละ

5. จู่ ๆ มีคนส่งดอกไม้มาให้ คุณจะทำอย่างไร

ก. ต้องรู้ให้ได้ว่าเขาคือใคร

ข. เฉยๆ ใส่แจกัน ก็. . . แค่นั้น

ค. ดูท่าทีก่อน จะคอยดูว่าจะส่งให้ได้สักกี่น้ำ

6. คุณเชื่อเรื่องบุพเพสันนิวาส แค่ไหน

ก. เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

ข. เชื่อเต็มร้อย

ค. ไม่เชื่อ คิดว่าอยู่ที่ตัวเองมากกว่า

7. ถ้าต้องเลือกระหว่าง คนที่รักเรา กับคนที่เรารัก คุณเลือก. . .

ก. คนที่เรารักดีกว่า เพราะรักของฉันไม่ต้องครอบครอง

ข. คนที่รักเราดีกว่า เพราะยังไงซะ เขาก็รักเราน่ะ

ค. คนที่เรารัก ก็รักข้างเดียว อกหักอีก คนที่รักเรา เราก็ไม่ได้รักเขาอีกแหละ…เลือกลำบาก

8. เวลาที่คุณไปงานแต่งงาน คุณเห็นคู่บ่าวสาว ความรู้สึกของคุณ. . .

ก. รู้สึกยินดี ถ้ามีโอกาสอย่างนี้บ้าง คงมีความสุข

ข. น่าเสียดาย ชีวิตอิสระกำลังจะหมดไป

ค. ใครจะแต่งก็แต่งไป ฉันขออยู่คนเดียว สบายใจกว่า

9. หากมีใครสักคนมาขอเดทกับคุณล่ะ

ก. ได้ แต่ขอพาเพื่อนไปด้วย

ข. อย่าเลย ฉันชอบอยู่คนเดียว

ค. ของแบบนี้ ต้องลองดู

10. คุณเชื่อในข้อใด

ก. รักแท้แพ้ใกล้ชิด

ข. ความรักทำให้คนตาบอด

ค. อกหักดีกว่ารักไม่เป็น

PS. ลองทำดูไม่มีเฉลย แต่ลองถามตัวเองดูนะจ๊ะ อย่าไปกลัวทุกอย่างต้องมีการเริ่มต้นเสมอ

อาจผิดหวังบ้าง สมหวังบ้างแต่ก็เป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีอย่างหนึ่งนะ

ลองทำดูแล้ว สนุกดีไปถามตัวเองหลายๆ ครั้งเลยหล่ะ ถ้าเป็นเรา เราจะ.... แล้วจะเป็นยังไง

แบบทดสอบ... คุณจะเลือกใคร

คนที่1คือคนที่เรารักเค้าและรอคอยเค้ามาตลอดเวลาแม้ว่าเค้าจะเคยนอกใจเรา แต่ตอนนี้เค้ากลับมาหาเราและบอกกับเราว่าเค้าเป็นแค่คนธรรมดา แฟนเก่าเค้าชอบเค้าตรงที่เค้าเด่นไม่ได้ชอบที่ตัวของเค้าเค้าเลยเลิกแล้วเค้าก็มาบอกเราว่าในที่สุดเค้า"ก็รู้ว่ามีอีกคนนอกจากพ่อและแม่แล้วที่รักเค้าคนๆนั้นก็คือเรา"
คนที่2 คือคนที่ดูแลเราตลอดเวลาห่วงใยเราตลอดแต่เราเห็นเค้าเป็นเพื่อนเท่านั้น แต่เค้าดีแสนดีเหลือเกินเค้าเป็นคนคิดมาก ห่วงใยเรามากๆและสนิทกับเรามาก
คนที่3 คือบุคคลภายนอกที่อยากรู้จักเราเค้ารู้จักเราโดยการแนะนำให้รู้จักกัน เค้าเรียนเก่งมากๆ นิสัยดี และเป็นสุภาพบุรุษ เกรงใจเราเสมอ
คนที่4 คือเพื่อนของพี่ที่มารู้จักกับเราโดยบังเอิญเค้าโทรมาหาเราทุกวันพูดเก่งมาก (จนลิงหลับได้เลย) บางครั้งก็อยากคุยกับเค้าบางครั้งก็ไม่อยากคุย เค้าเป็นคนที่มีตระกูลดีมาก (แต่ไม่ใช่อยู่บำรุง) รวยมาก การศึกษาดีสุดๆ
คนที่5 คือคนที่เก็บอารมณ์เก่งมาก นิ่งสุดๆ จนเราดูไม่ค่อยออกเลยว่าเค้าคิดกับเราอย่างไรกันแน่ บางทีก็ใช่ บางทีก็ไม่เหมือน แต่พวกเพื่อนเราก็ลุ้นเค้าอยู่นะ
คนที่6คือคนที่เราแอบชอบเป็นคนดังในสังคม หล่อ ๆๆๆๆๆและก็หล่อ
คนที่7 คือเพื่อนที่ห่างไกลเค้าชอบเรามานานมากและเค้าก็ยังคงชอบเราอยู่

PS. ลองถามตัวเองดูนะว่า ถ้าเป็นเรา เราจะเลือกแบบไหน? แล้วทำไมถึงเลือก?

ที่ผ่านมาเรียกว่าอะไร

ทำไมความรักมันไม่เหมือนความฝันเลยทำไมใจของเราถึงมีแต่รักเขา
ไม่เคยรักเราอย่างที่เราเข้าใจว่าเขารักจะมีวันนั้นอีกมั๊ย
ที่เราได้ผูกพันกันวันนี้...ตอนนี้...เวลานี้...
เรารักเขาเราจะทำอย่างไรให้เขารักตอบชีวิตที่เหลืออยู่
จะให้อยู่อย่างไรถ้าขาด"เธอ"จนมาวันนี้ความจริงก้อเปิดเผย
เขาไม่มีโอกาสได้บอกสักทีจนมาวันนี้เดินมาบอกว่า"เขามีคนที่เขารักอยู่แล้ว"
เขาเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเขาขอโทษจริงๆ
ที่เขาไม่ได้บอกเราว่าเขาคือคนที่มีเจ้าของแล้วตั้งแต่เริ่มคบกันจนเนินนาน
จนวันที่เขามาบอกว่าเขามีคนที่เขารักอยู่แล้วอ่ะ อยากจะบอกเขาว่า รัก
แต่มาคิดได้จนอะรัยๆมันสายเกินไปแล้ว...รักก้อเจ็บไม่รักก้อเจ็บ
ความผูกพันของเราไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นบานของความไม่เข้าใจ
แต่นั่นอาจจะเป็นเหตุผลของความรัก แต่ไม่มีค่าสำหรับคนบางคนสำหรับใจบางหัวใจ
ปล่อยให้เขาเป็นเพียวความทรงจำดีดี แม้ว่าเธอจะทำใจของผู้หญิงคนนี้อ่อ่นแอเพราะนั่นคือ
ได้ความพ่ายแพ้เข้ามาเติมจิตให้เต็มเหมือนเราปล่อยให้ใครสักคนเดินจากเราไปอย่างไม่ย้อนกลับมา

P.S. มีใครบ้างที่เคยมีความรู้สึกอย่างนี้ อย่าปล่อยจนทุกอย่างมันสายเกินไป

คุณคิดว่าตัวเองมี sense มั๊ย

คุณคิดว่าตัวเองมี sense มั๊ย สำหรับเราตอบได้เลยว่ามี แล้วก็แม่นมากจนน่าตกใจ ที่คิดว่าตัวเองมี sense ก็เพราะว่ามีอยู่ครั้งนึง ขณะที่เรากำลังขับรถมาที่มหาลัย เรามีความรู้สึกว่า มันต้องเกิดอะไรที่ไม่ดีกับเค้าขึ้นแน่ๆ เค้าอาจจะไม่สบาย หรืออาจจะต้องเข้าโรงพยาบาล ซึ่งตอนนั้นมันเป็นรู้สึกที่อยู่ดีๆก็แว๊บขึ้นมาในหัว แล้วก็ไม่คิดว่าจะเป็นจริง เราก็เลยโทรไปหาเค้า ก็ไม่รับสาย ติดต่อไม่ได้ สักพักก็เจอเพื่อนเค้าพอดี ก็เลยรู้ว่าเค้าไม่สบายจริงๆ แต่ไม่เป็นอะไรมาก (ขนาดไม่เป็นอะไรมาก แต่นอนให้น้ำเกลือที่รพ.อยู่ 1 ขวด) พอหลังจากที่เค้าหาย เราเล่าให้เค้าฟังถึงเรื่องที่ผ่านมา เค้าฟังแล้วขนลุกว่ารู้ได้ยังไง ทำไมถึงรู้ อ้าว...ก็บอกไปแล้วว่ามันมีความรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

และยังมีอีกหลายเรื่องที่เรารู้สึกได้ว่าเรามี sense แต่ก็เป็นเหตุการณ์เล็กๆน้อยๆ เช่น เจอเพื่อนเค้าครั้งแรก แล้วมีความรู้สึกว่า เพื่อนเค้าคนนี้ต้องเคยทำงานที่การบินไทย แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือ เรื่องล่าสุด เราคิดสสมติให้เค้าเป็นคนไข้แล้วเราเป็นคุณหมอ พอวันรุ่งขึ้น เค้าไม่สบาย อาการหนัก เข้าโรงพยาบาลเกือบเดือน T^T สำหรับเรา sense ที่เกิดขึ้น มันไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน มันเกิดเฉพาะกับคนที่เรารักและสนิทมากเท่านั้น

แล้วคุณหล่ะ คุณคิดว่าตัวเองมี sense หรือ สัมผัสที่ 6 อะไรแบบนี้บ้างมั๊ย

ความหวัง-ความผิดหวัง

เคยคาดหวังอะไรแล้วรู้สึกผิดหวังกันบ้างมั๊ย แล้วมันรู้สึกยังไง สำหรับเรามันเสียใจมาก เมื่อสิ่งที่เราหวังกลับไม่เป็นตามที่ต้องการ แต่มันไม่ใช่แค่นั้น เพราะมีคนที่ฝากความหวังไว้กับเราเหมือนกัน บอกได้คำเดียวว่ารู้สึกแย่ว่ะ ที่ทำให้คนที่เรารักต้องผิดหวังไปพร้อมๆกับเรา ผลจากการที่เราทุ่มเททำอะไรบางอย่าง และสุดท้ายแล้วมันคือ "ความล้มเหลว" บางทีก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำไปเพื่ออะไร มีคนว่าไว้ว่า ชีวิตอยู่ได้ด้วยความหวัง แต่ถ้าหวังแล้วต้องผิดหวังบ่อยๆ ไม่ต้องหวังอะไรเลยจะดีกว่ามั๊ย

how do i

And Tell Me Now
...................
How Do I Live Without You
I Want To Know
How Do I Breathe Without You
If You Ever Go
How Do I Ever Ever Survive
How Do I How Do I Oh How Do I Live

ทุกครั้งที่เราฟังเพลงนี้ เราจะย้อนนึกไปถึงคำถามคำถามนึง
ที่คนที่เรารักมากที่สุดเคยถามเราไว้ว่า "ถ้าเค้าตายไป แล้วเราจะเป็นยังไง"
มันเป็นคำถามที่ตอบยากมากนะ เราไม่รู้ว่าเค้าคิดยังไงถึงถามแบบนี้
วันนั้นเราตอบแบบติดตลกไปว่า "ร้องไห้ เสียใจ ตายตาม"
สองคำแรก เราคงเป็นแบบนั้นจริงๆ แค่เค้าเข้าโรงพยาบาล
เราก็เป็นห่วงเค้ามากมาย กลัวว่าเค้าจะเป็นอะไรไป

หลายวันก่อนเราเอาเพลงนี้เขียนใส่ space ของเรา แล้วเค้าก็เข้ามา comment ว่า "ยังอยู่ด้วยกันอีกนาน ไม่ต้องกลัว" เราอยากรู้ว่านานมันนานแค่ไหน
เพราะใจจริงเราอยากอยู่กับเค้าตลอดไป.....

จนถึงตอนนี้เราก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่า ถ้าเค้าตายไปแล้วเราจะเป็นยังไง
แล้วถ้าคนที่คุณรักมาถามคุณแบบนี้ คุณจะตอบไปว่ายังไง.......

The latest in anti-ageing technology

A new program has the key to youthful looks

In recent years, people worldwide have strived to explore ways to live longer, maintain their youthful looks and are constantly seeking ways to remain as healthy and fit as possible. As a result, anti-ageing methodologies are being sought to restore our health and wellness.

One of the latest anti-ageing technologies in Thailand introduced by Dr Pakpilai Thavisin is Bio-Energy Medicine or BEM, which is a computerised program that measures the body's micro-energy. The program provides an analysis and assessment of the risks profile, vitamins and minerals status, hormonal status, enzymes, toxins and the organ's functions (i.e. liver, stomach, kidney). What this means is that the analysis can tell you whether you have sufficient amounts of minerals in your body, whether your hormone level is balanced, your ability to digest specific kinds of food and what allergies your body might susceptible to.

The BEM machine is capable of accurately assessing and normalising underlying energetic imbalances. It also provides information needed for the body to restore itself and empowers a person to find subconscious reasons for many illnesses and diseases. The BEM machine has potential interaction on all levels of our being (physical, mental, emotional, and spiritual).

In other words, you will learn about your natural health and its vulnerability. With this knowledge, a healthy lifestyle can be achieved as we are able to undertake preventive measures to prolong our youth.

Sweet dreams

A nap with no guilt

If we are one of the normal hard-working people of the world today, the last time we napped in the afternoon was when we were in kindergarten. It is hard to imagine napping in this fast-paced world, especially in our office after lunch. What would our colleagues think? What would we think about ourselves? Certainly the thoughts would not be very positive.

Napping is actually very good for the brain. Research done by Sara Mednick, a researcher from Harvard University, working for the Salk Institute, suggests that perhaps a good nap is as good as a good night's sleep.

A research on memory found that if subjects took a good night's sleep between memory tasks, scores were usually higher. Subjects who were asked to remember items and perform a memory test the same day do score slightly lower. The test was repeated with a nap in between remembering and memory test. A stunning effect was found. A good nap raised scores almost like a good night's sleep. Within these few years a lot of research on napping has been done and more and more scientists have become believers of afternoon naps.

Let's see the reasons why you should nap a bit in the afternoon.

First of all, napping increases alertness. This is one of the benefits that people like the most. Mednick says, "Whether you are on the road, observing market trends, diagnosing patients or interacting with clients, staying alert is the most important determinant of your efficiency." A lot of us would agree with her.

Napping also speeds up you motor performance. You don't have to be a pianist to need good motor performance. Typing on a keyboard needs excellent motor coordination as well. Napping a bit can increase your accuracy.

We all know that making mistakes can cost time, money, energy and sometimes even lives. So whatever profession you are in, or even for stay-at-home mums, napping can help you perform your jobs and chores better at the same speed or even faster.

And for my female readers, reading the following lines might convince you to nap more than other things I have mentioned so far.

Napping preserves your youthful looks. This is because nothing ages you like fatigue. If you add a nap to your regimen, not only will it improve your skin and tissue regeneration, it will also keep you looking younger longer.

Speaking of beauty sleep, well, napping is truly beauty sleep. Also if you need to lose weight, napping will help you do just that. Research shows that sleepy people tend to reach for high-fat, sugar-rich foods more than people who are rested. So a good nap will help you resist potato chips and cheesecakes and also produce growth hormones and reduces body fat.

If you are feeling down and depressed too often than you like, perhaps napping can help you deal with your emotions better. While sleep deprivation causes irritability, depression and anger, a good nap will bathe your brain with serotonin. This will reverse the effect of depression and produce a more positive outlook.

Let me introduce you to a great napper. Her name is Anne-Marie McDermott. Perhaps some of you have been to her performance before. When she was 12, she performed Felix Mendelssohn's Concerto in G minor with a full orchestra at Carnegie Hall. In her mid-teen years, her schedule was so hectic that her mentor at the Manhattan School of Music suggested meditation but she discovered napping instead. From that day on, while performing around the world, she also adopted a habit of napping in the afternoon.

By the age of 22, napping has become an integral part of her routine as practicing scales. "I treat it almost like a religious thing," she says. "My nap on concert days is the most critical of all, since I have to be at my optimal level of performance when I take the stage."

She said sometimes napping for an hour is enough. However, if she is a soloist carrying the entire performance, the nap might be as long as two hours. Even on some days when she doesn't have time, she will lay her head on her dressing table to "zone out" for 10 minutes. Napping did help her perform better by far.

But what about the rest of us? In a perfect world, society would give us a chance to be great nappers. Whether we are people who teach at school, drive taxis, write software, balance corporate accounts, raise children, aren't we entitled to a nap's benefits too?
So this is for the managers and business owners. Do you know that napping can reduce absenteeism, increases productivity, increase employees retention, and saves money?

A 1999 study concluded that healthy employees often miss work because of fatigue. Also, Nasa napping studies report an average productivity increase of 13 per cent. At the end, comparing a nap room with a cost of building a gym, hiring a massage therapist, or bringing in wellness trainers, and a nap comes out looking like a bargain.

Napping can be very good for your brain and for your mood. If you have not done it since five, perhaps today might be a good start. Good afternoon nap and sweet dreams!

TOT to build B30 billion 3G mobile network for rent

TOT Plc yesterday announced a plan to invest 30 billion baht in third-generation mobile-phone services to be ready for commercial launch within one year. The announcement came after TOT signed a memorandum of understanding with CAT Telecom yesterday for the rights and management of the 1900 MHz spectrum to provide 3G services.

The signing ceremony was witnessed by Information and Communications Technology Minister Mun Patanotai.

Under the agreement, TOT would pay 2.4 billion baht for the 42% stake in Thai Mobile held by CAT Telecom, to be paid in instalments over five years. TOT would also shoulder all the accumulated debts of six billion baht of Thai Mobile.

Dr Mun said that TOT would invest alone in the 3G network infrastructure to become a ''virtual'' mobile network operator that would rent it to private operators seeking to provide 3G services.
TOT expects three or four private operators to share its network.

TOT board chairman Teerawut Boonyasophon said the state enterprise would provide the 3G services under the TOT Mobile brand. A subsidiary would be set up to manage the service and would spend about 30 billion baht to build the 3G network nationwide within one year.

Initially, TOT would invest 2-3 billion baht to upgrade the existing 500 base stations in Bangkok and satellite provinces to a third-generation platform and transfer the current 60,000 customers of Thai Mobile to the new system.

He said that TOT would allow its business allies _ AIS, True, TT&T and DTAC _ to use its mobile network.Although Advanced Info Service, DTAC and True Move have plans to offer their own 3G services, the spectra allowed them are not the world standard 1900 MHz like that of Thai Mobile, which means handset compatibility could be limited.

TOT would handle just 20% of the marketed services while the rest would be handled by its business allies on rental basis.

TOT deputy president Varut Suvakorn said that since the investment was huge, TOT might need to look for long-term funds on a government-to-government basis as currently the lending interest rate was high, at 6-7%.

P.S. The dream come true for Thai peoples to use 3G. Not too long right now because they are preparing it. However, do you think it's good?

Taste for Quick Boost Tied to Taste for Risk

Health researchers have identified a surprising new predictor for risky behavior among teenagers and young adults: the energy drink.

Super-caffeinated energy drinks, with names like Red Bull, Monster, Full Throttle and Amp, have surged in popularity in the past decade. About a third of 12- to 24-year-olds say they regularly down energy drinks, which account for more than $3 billion in annual sales in the United States.

The trend has been the source of growing concern among health researchers and school officials. Around the country, the drinks have been linked with reports of nausea, abnormal heart rhythms and emergency room visits.

In Colorado Springs, several high school students last year became ill after drinking Spike Shooter, a high caffeine drink, prompting the principal to ban the beverages. In March, four middle school students in Broward County, Fla., went to the emergency room with heart palpitations and sweating after drinking the energy beverage Redline. In Tigard, Ore., teachers this month sent parents e-mail alerting them that students who brought energy drinks to school were “literally drunk on a caffeine buzz or falling off a caffeine crash.”

New research suggests the drinks are associated with a health issue far more worrisome than the jittery effects of caffeine — risk taking.

In March, The Journal of American College Health published a report on the link between energy drinks, athletics and risky behavior. The study’s author, Kathleen Miller, an addiction researcher at the University of Buffalo, says it suggests that high consumption of energy drinks is associated with “toxic jock” behavior, a constellation of risky and aggressive behaviors including unprotected sex, substance abuse and violence.

The finding doesn’t mean the drinks cause bad behavior. But the data suggest that regular consumption of energy drinks may be a red flag for parents that their children are more likely to take risks with their health and safety. “It appears the kids who are heavily into drinking energy drinks are more likely to be the ones who are inclined toward taking risks,” Dr. Miller said.

The American Beverage Association says its members don’t market energy drinks to teenagers. “The intended audience is adults,” said Craig Stevens, a spokesman. He says the marketing is meant for “people who can actually afford the two or three bucks to buy the products.”

The drinks include a variety of ingredients in different combinations: plant-based stimulants like guarana, herbs like ginkgo and ginseng, sugar, amino acids including taurine as well as vitamins. But the main active ingredient is caffeine.

Caffeine content varies. A 12-ounce serving of Amp contains 107 milligrams of caffeine, compared with 34 to 38 milligrams for the same amount of Coca-Cola or Pepsi. Monster has 120 milligrams and Red Bull has 116. Higher on the spectrum, Spike Shooter contains 428 milligrams of caffeine in 12 ounces, and Wired X344 contains 258.

Mr. Stevens points out that “mainstream” energy drinks often have less caffeine than a cup of coffee. At Starbucks, the caffeine content varies depending on the drink, from 75 milligrams in a 12-ounce cappuccino or latte to as much as 250 milligrams in a 12-ounce brewed coffee.

One concern about the drinks is that because they are served cold, they may be consumed in larger amounts and more quickly than hot coffee drinks, which are sipped. Another worry is the increasing popularity of mixing energy drinks with alcohol. The addition of caffeine can make alcohol users feel less drunk, but motor coordination and visual reaction time are just as impaired as when they drink alcohol by itself, according to an April 2006 study in the medical journal Alcoholism: Clinical and Experimental Research.

“You’re every bit as drunk, you’re just an awake drunk,” said Dr. Mary Claire O’Brien, associate professor in the departments of emergency medicine and public health services at Wake Forest University Baptist Medical Center in Winston-Salem, N.C.

Dr. O’Brien surveyed energy drink and alcohol use among college students at 10 universities in North Carolina. The study, published this month in Academic Emergency Medicine, showed that students who mixed energy drinks with alcohol got drunk twice as often as those who consumed alcohol by itself and were far more likely to be injured or require medical treatment while drinking. Energy drink mixers were more likely to be victims or perpetrators of aggressive sexual behavior. The effect remained even after researchers controlled for the amount of alcohol consumed.

Energy drink marketers say they don’t encourage consumers to mix the drinks with alcohol. Michelle Naughton, a spokeswoman for PepsiCo, which markets Amp, said, “We expect consumers to enjoy our products responsibly.”

Accademia Italiana - International fashion and design institute

The World is in your hand.Design it!

Accademia Italiana International fashion and design institute in Thailand

From Italy to Bangkok Study in a leading institute for a successful future

If you are looking for a fashion and design institute in Thailand, in Bangkok you can now attend courses at one of the best Fashion design school, Design Schools and Art Schools in the world. You can specialize in Fashion Design, Interior and Product Design, Graphic design and Visual communications, Costume design (for Cinema, Theater and Television).

The Accademia Italiana, international institute of art and design, has opened study programs in Bangkok. This Italian school of Art and Design is now located in the heart of Thailand. The study of fashion and design can lead you to your future career in an international environment.

The Accademia Italiana (Fashion school, Fashion Design School, Fashion Design academy, Design School and Art School) was established in Florence in 1984. For over twenty years it has been one of the leading fashion schools, design schools and art schools in Italy and in Europe for artistic training at a university level.

Today, studying at the Accademia Italiana’s new campus in Bangkok, in the heart of Thailand, can lead you to an important role within the fashion and design industries, and help you to achieve huge success in the professional and artistic fields in Thailand and worldwide.

Discover nature's best

A unique oasis in the 'lung of Bangkok'

Bang Krachao or the "lung of Bangkok", in Phra Pradaeng, Samut Prakan is known for its green scenery.

Located on the banks of the Chao Phraya River, just opposite the Klong Toey business district, Bang Krachao is a world apart from chaotic Bangkok.

The change in air and scenery from Klong Toey is immediate and astounding, and catches one by surprise. No high-rises, no cars and no pollution! Only tropical farmlands where buildings are not allowed to exceed the height of the palm trees.

Bang Krachao, one of the best places for cyclists and known to foreign travellers, is virtually unknown among Thais.

For Thai tourists, the Bang Nam Pueng Floating Market in Bang Nam Pueng, is more popular because of the various local fruits and vegetables on sale.

However, the 17 year-old, 200-rai Si Nakhon Keun Kan Park, locally known as Suan Klang Central Park, remains an unmissable destination.

It has been affectionately called the city's lung and has a reputation as the last green belt in this concrete metropolis.

Inside the oasis

The park comprises lush orchards of mango, bushes of areca nuts, plenty of wildlife, over 50 species of bird, firefly-watching spots and a gigantic pond, where a fair number of aquatic species live.

The large pond also offers paddle boats and canoes, which can be rented at 30 baht an hour. Bicycles can be rented for the same rate. This green expanse could be the best place for your children to ride a bicycle while exploring nature. Bang Krachao was voted by Time magazine as one of Asia's best urban oasis.

From the two-storey observatory tower visitors can enjoy a panoramic sight of palm trees swaying in the cool, fresh air. Far in the background is an array of Bangkok 's tall buildings.

A bit of history

1977 - The Gen Prem government approved the conservation of green areas opposite Klong Toey and Yannawa district, making them public parks.

1991 - The Ministry of Science and Technology buys 148-rai of fruit orchards from the locals residents to develop the park.

1992 - His Majesty the King names it Si Nakhon Keun Kan.

Getting there

Visitors may board a longtail or shuttle boat from the Wat Klong Toey Nok pier. Alternatively you can drive to the district; it's about an hour from the city. Although this oxbow peninsula has a main road, the main mode of getting around is not by car, but by foot, bicycle or motorcycle.

Are you a good guest?

1. Do you make your bed in the morning?

a. Always — as soon as I get up.

b. Usually, if I don’t get distracted.

c. What’s the point? It’ll only get messed up again later.

2. After a meal, you ...

a. wait for dessert to be served.

b. crack jokes and entertain everybody.

c. do the washing up.

3. After you’ve showered ...

a. the bathroom is a mess.

b. you tidy up the bathroom.

c. Er … why bother showering?

4. How long would you stay at a friend’s house?

a. Until I get kicked out.

b. Just a few days.

c. A week or more.

5. Are you messy?

a. I can be, but I make a real effort when I’m a guest.

b. Yes. I can’t help creating chaos.

c. No. I’m very tidy and considerate.

6. Do you need to go to the bathroom in the middle of the night?

a. Always. I have a weak bladder.

b. No. I sleep straight through the night.

c. Very rarely.

7. Are you good at getting along with people?

a. Yes. I just go with the flow.

b. No. I like doing my own thing.

c. Most of the time.

8. Do you often get invited to stay with friends?

a. Sometimes — with my close friends.

b. No. Maybe it was something I said.

c. People are always inviting me over.

Calculate your score
1. a=3, b=2, c=1

2. a=1, b=2, c=3

3. a=2, b=3, c=1

4. a=1, b=3, c=2

5. a=2, b=1, c=3

6. a=1, b=3, c=2

7. a=3, b=1, c=2

8. a=2, b=1, c=3

How did you do?

8-13: You are the nightmare guest. You’ve been known to treat friends as if they were your staff, and you seem to have a problem with saying thank you. Have you ever wondered why you don’t get invited back?
14-19: Your friends appreciate your company, but your domestic skills could use some improvement. Next time you’re staying over at a friend’s place, offer to help around the house a little — they’ll love you for it.
20-24: You’re a delightful houseguest. You are thoughtful, accommodating and perceptive — no wonder you’re always being invited back.

The Mummy: Tomb of the Dragon Emperor (2008)

Explorer Rick O'Connell to combat the resurrected Han Emperor in an epic that races from the catacombs of ancient China high into the frigid Himalayas. Rick is joined in this all-new adventure by son Alex, wife Evelyn and her brother, Jonathan. And this time, the O'Connells must stop a mummy awoken from a 2,000-year-old curse who threatens to plunge the world into his merciless, unending service. Doomed by a double-crossing sorceress to spend eternity in suspended animation, China's ruthless Dragon Emperor and his 10,000 warriors have laid forgotten for eons, entombed in clay as a vast, silent terra cotta army. But when dashing adventurer Alex O'Connell is tricked into awakening the ruler from eternal slumber, the reckless young archaeologist must seek the help of the only people who know more than he does about taking down the undead: his parents. As the monarch roars back to life, our heroes find his quest for world domination has only intensified over the millennia. Striding the Far East with unimaginable supernatural powers, the Emperor Mummy will rouse his legion as an unstoppable, otherworldly force... unless the O'Connells can stop him first.

Also Known As:
The Curse of the Dragon
The Mummy 3
The Mummy III
The Mummy Returns sequel
Production Status:
In Production/Awaiting Release
Genres:
Action/Adventure and Sequel
Release Date:
August 1st, 2008 (wide)
Distributors:
Universal Pictures Distribution
Production Co.:
The Sean Daniel Company, Sommers Company
Studios:
Universal Pictures
Filming Locations:
China
Montreal, Quebec Canada
Produced in:
United States

P.S. This movie has Jet Li become to be Dragon Emperor. If anyone who like this kind of movie, I'm sure that it' might be more action and advanture.

Food for Thought (^_^)/

You are what you eat

This article might sound like we are going to discuss interesting ideas, something that you can meditate on later. In fact, I am going to talk about "actual food", food that we consume everyday for energy, for survival and for brain power.

When people think about maximizing their brain power or think about making themselves happy, they usually think about their mindset or environmental influences. However, in reality, what you put into your mouth makes a big difference in the way you think and the way you feel.

After I studied the brain and mind, I became more careful about what I eat and drink everyday. I know that food can alter my mood or even decrease or increase my brain capacity. Before I began my healthy-brain adventure I used to think that eating right for the brain must be hard to plan. I found out later that it's easier than expected.

Something as easy as increasing your water intake can make the brain function better in minutes. This is because your brain is made up of about 75 per cent fluid. Therefore, keeping your brain hydrated throughout the day is one of the best practices one can undertake.

A famous French chef once said, "Tell me what you eat, and I will tell you who you are."
This later was shortened to "You are what you eat," which I truly believe in. All the cells in your body, including your brain cells, make renew themselves every five months. Some of them, like your skin cells, are renewed every month. So, the foods that you consume are critical in maintaining proper brain and body function.

Eat the right kinds of food and you will feel better. Eat wrong, like doughnuts or very sweet cereals for breakfast and you will start feeling lethargic and less sharp an hour later.

Food is one of the most effective strategies to get good results quickly.

So, what should we eat?

First, let's take a look at the kinds of fat we consume since the brain is made up of about 10 per cent fat. Cutting down good fats to control one's weight is not very smart. Good fats come from the following foods; avocado, white fish, walnuts, tuna, sardines, salmon, pistachios, peanut oil, olive oil, lean meats, green leafy vegetables, flaxseed oil, cashew nuts, canola oil, Brazil nuts and my most favorite of all, anchovies.

Bad fats are bacon, butter, cheese (regular fat), cream sauces, doughnuts, fried foods (such as potatoes and onion rings), ice cream, lamb chops, margarine, potato chips (fried), processed foods, steak and whole milk.

It is not that you can't consume the wonderful-tasting bad fats at all. However, they need to be controlled and lessened.

The brain is also composed of about 8 per cent protein. It is an essential component of nerve cells, axons and dendrites - the machinery of the brain. So, consuming inadequate protein leaves our brain without critical resources. Eat the following to ensure you nourish your brain with protein it needs: Fish like tuna, mackerel, salmon and herring, chicken (skinless), turkey (skinless), meat (lean beef and pork), eggs (enriched DHA eggs are the best), tofu and soy products, dairy products (low-fat kinds are best), beans (especially garbanzo and lentils are among the top picks), nuts and seeds (one of the best is walnuts, which is also listed under good fats.)

Consuming complex carbohydrates and antioxidants daily is very important, as well. These are great tasting foods that include berries, oranges, lemons, grapefruits, peaches, plums, broccoli, cauliflower, Brussels sprouts, oats, whole wheat, red or yellow peppers (much higher in vitamin C than green peppers), spinach, pumpkin squash, tomatoes (especially for men), yams and beans.

One of my strategies that helps me remember to eat this group is to "Eat the rainbow", so when I look at the plate in front of me I try to see as many colors as possible.

Your attitude towards food is very important in creating and sticking with a brain-healthy food plan. If you believe that foods can (and science has confirm this belief time and again) make your brain and body function at its top capacity, you will be able to be on track to having a better functioning system. Eat right and you will think better, I promise. Good luck and bon appetit.

เคล็ดลับการเลือกนาฬิกาให้ตรงใจ

การซื้อหานาฬิกาข้อมือ หรือพกพาสักเรือน บางครั้งก็ใช่ว่าจะตัดสินใจ หรือเลือกกันง่าย ๆ เนื่องจากแต่ละคนต่างมีเหตุมีผลของตัวเอง ทั้งนี้ ความจริงแล้ว นาฬิกาใช่เป็นเพียงเครื่องบอกเวลาเท่านั้น แต่คนจำนวนไม่น้อยที่ซื้อนาฬิกาเพราะว่ารักในการสะสม ซื้อเพราะให้เหมาะสมกับกิจกรรม หรือมองนาฬิกาเป็นเครื่องประดับที่เสริมบุคลิกเพิ่มความมั่นใจ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่พบปะ รวมถึงมองว่าเป็นสื่อแทนใจเมื่อมอบให้บุคคลพิเศษในโอกาสสำคัญต่าง ๆ การพิจารณาเลือกซื้อนาฬิกาให้ตรงตามวัตถุประสงค์ มีความสำคัญอยู่ไม่น้อยเพื่อไม่ให้เสียดายภายหลัง ดังนั้น ลองมาทำความรู้จักประเภท และลักษณะการใช้งานกันสักนิด จะได้ซื้อกันอย่างถูกใจ และถูกต้องเพื่อจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายในภายหลัง

นาฬิกาสำหรับนักกีฬา อาทิ Tissot, Casio, Seikoจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะตัวสำหรับกีฬาประเภทนั้น ๆ เช่น นาฬิกาสำหรับการดำน้ำจะต้องสามารถสวมดำน้ำได้ลึก และทนต่อสภาพแรงดันของน้ำ ส่วนกีฬาความเร็วสูง เช่น แข่งรถทั้งมอเตอร์ไซด์ และรถยนต์ควรจะทนต่อแรงสั่นสะเทือน และจับเวลาได้ด้วย

นาฬิกา Stylish อาทิ Gucci, Hermes, Diesel, Fossil, Philippe Starckนาฬิกาที่กล่าวมานี้อาจเรียกได้ว่าเป็นนาฬิกาแบบครีเอทีฟ ควรจะเป็นนาฬิกาที่ทันสมัย ทั้งสีสัน ดีไซน์ และวัสดุ มีเอกลักษณ์เช่นนาฬิกาแฟชั่นแบรนด์ดังต่าง ๆ

นาฬิกา Casual อาทิ Omega, Citizen, Esprit, Guess, Kenneth Coleควรคำนึงถึงความสบายในการสวมเป็นสิ่งแรกเพราะใช้บ่อย และควรจะกันน้ำ และแรงกระแทกได้บ้างเพื่อที่คุณจะไม่ต้องกังวลหากต้องตากฝน หรือลื่นหกล้ม

นาฬิกาสำหรับวันทำงาน อาทิ Tag heuer, Breitling, Longines, DKNYควรมีความเที่ยงตรงในการบอกเวลา ตัวเลขเห็นได้ชัดเจน ถ้าใช้แบตเตอรี่ก็ควรใช้แบบอัตโนมัติจากการเคลื่อนไหวเพื่อที่พลังงานจะไม่หมดระหว่างทำงานสำคัญ หรือขณะติดต่อธุรกิจ

ทำไมนาฬิกาจึงหมุนไปทางขวา

เป็นที่ยอมรับกันว่า “นาฬิกา” ดูจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วไปนั่นเป็นเพราะ นาฬิกาคือสิ่งเดียวที่ทำให้เรารู้เวลา และสามารถกำหนด วางแผนในการดำเนินชีวิตของอนาคตได้

อย่างไรก็ตาม เรื่องเล็กๆ ที่ชวนให้สงสัยของคนจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะชาววัยใสก็คือ … ทำไมนาฬิกาจึงต้องหมุนไปทางขวาด้วย!!

เดิมทีนาฬิกาที่ประดิษฐ์ขึ้นนั้นเป็นนาฬิกาไขลาน ประดิษฐ์ขึ้นมาในซีกโลกเหนือ ซึ่งเป็นครึ่งโลกซีกที่อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร ทั้งนี้ก่อนที่จะมีนาฬิกาไขลานนั้น คนในยุคก่อนจะใช้นาฬิกาแดดเพื่อบอกเวลา โดยอาศัยเงาที่ทอดจากไม้ปักอยู่ตรงกลาง นาฬิกาแดดเป็นสิ่งบอกเวลาของวัน ซึ่งในซีกโลกเหนือ เงานี้จะเคลื่อนไปในทิศทางที่เราเรียกกันตอนนี้ว่า “ตามเข็มนาฬิกา”

ดังนั้น เมื่อมีการประดิษฐ์นาฬิกาไขลานขึ้นมาเป็นเรือนแรก หน้าปัดและเข็มของมัน จึงได้รับการสร้างขึ้นมาในทิศทางเดียวกันนั่นเอง

Are you a mobile maniac?

Do it first before seeing the answer!!!! (by preparing the paper for note and pen for write)

1. If you get to school and realise you’ve left your mobile phone at home, you:

a. feel lost and disorientated all day.

b. don’t notice — no one calls you anyway.

c. would never do that — mobiles are banned in school.

2. What’s your average number of calls a day?

a. None.

b. One to four.

c. More than five.

3. Your ring tone is:

a. different every week.

b. personalised.

c. standard.

4. You text message:

a. using two thumbs.

b. using one thumb.

c. so fast no one can see your thumbs move.

5. Have you ever broken up with somebody by text?

a. Yes.

b. No.

c. No — but I might one day.

6. When do you get a new mobile phone?

a. When you lose your old one.

b. Every two years.

c. Whenever a new model comes out.

7. Have you ever used your mobile to impress somebody?

a. Yes — all the time.

b. No one would be impressed with my dinosaur model.

c. I did in the beginning.

8. When you go out for a meal with friends, your phone is:

a. in your pocket on vibrate mode.

b. at home — no need for it because your friends are with you.

c. on the table so that you don’t miss a call.

Calculate your score
1. a=3, b=1, c=2
2. a=1, b=2, c=3
3. a=3, b=2, c=1

4. a=1, b=2, b=3

5. a=3, b=1, c=2

6. a=1, b=2, c=3

7. a=3, b=1, c-2

8. a=2, b=1, c=3

How did you do?

8-12: Hello? You’re in the dark ages. You’ll never have a social life if you don’t learn how to use your phone.

13-18: You have a fairly healthy, 21st century relationship with your mobile. You enjoy technology for what it can do for you and certainly aren’t ruled by your phone.

19-24: Your mobile is your life. The trouble is, you might be so obsessed with it you risk missing out on some real life action and conversations. Ease up a little and enjoy the moment.

Living colour

Picking the right colours for your home

You see a fabulous picture of a home in a magazine article. You walk into your friend's fabulous living room. You are bombarded with fabulous images of celebrity homes on television. However, when you try to incorporate these designs into your own home, your home turns out to be miles away from the neighbourhood of fabulous. Are you tired of your home feeling like the before picture? Do you ever feel like there are some secrets everyone else but you knows?

Decorating can be made simple and done without spending a massive fortune by understanding a few basic tenets of design. You do not have to have an artist's touch to create a refined and polished home. Think about those moments where applying a touch of red lipstick instantly dramatises your face, or putting on a blue power suit instantly transforms your mood.

The same rules apply to decorating: Choosing the right colour is the key to embarking upon a home that is stylish and suitable and for you.

Colour is the basic issue that needs to be addressed from the beginning of decorating, says Gunn Yamasmit, managing director of Big Trees Design 39, an experimental and visionary interior design studio in Thailand. The effects of various colours can virtually alter the shape and ambience of a room. Choosing the correct colour for a room depends on the dimensions and purpose of the room.

Interior design experts at a local US company, Valerie DuVall Interiors, differentiate colours between warm and cool tones to reflect various mood. Red, orange and yellow fall into the warm family, while shades of blue, green and purple are classified as cool colours. Designers at Valerie DuVall Interiors suggest that warm colours can be used to create dramatic and passionate feelings.

For example, red can evoke feelings of intimacy or stimulate the appetite, thus can be used in a bedroom or dining room. Orange is also a bold colour, but not as harsh as red, thus is an appropriate choice for a living room to create an inviting feeling. Yellow is perfect to light up a drab room, and has been shown to evoke feelings of happiness.

However, experts at Valerie DuVall Interiors warn that bright yellow can be too strong and may actually cause anxiety in infants, young children and the elderly.

For more appropriate colours for a children's room, Yamasmit suggests using cool and light tones. Designers at Valerie DuVall Interiors suggest that colours such as blue, green and purple create sentiments of serenity and calmness. These colours are reminiscent of beautiful aspects of nature such as oceans, meadows and flowers, and can be used to create soothing effects. Shades of blue are very effective for children's bedrooms.

However, experts say that contrary to red, blue supresses the appetite, so it is not an effective choice for a dining room. Green can be used anywhere in the home, and is very popular as a trimming for kitchens and bathrooms. Purple has not been a popular choice for homes in the past, but at Valerie DuVall Interiors, designers experiment with adding more shades of red to purples to create a softer hue. With a blushing shade of purple, it is an ideal colour for children's play areas or study rooms.

Once colour has been established to set the mood a room, it can also be altered to change the dimensions of a room. Yamasmit states that the basic rules is to always start with a lighter colour for the ceiling than the walls, and darker colours for the floors. The colour that is chosen for the ceilings and walls must blend in and come from the same colour family to create a wholesome effect.

When choosing shades of colours for a room, using a paler or darker version of a colour also makes a difference to the proportions of the room. Pale colours make walls recede, while dark ones bring them in. To make a room bigger, accentuate its width through horizontal bands, says Yamasmit. The same principle that is applied to clothing, where horizontal stripes can make a person look wider, can also be applied to rooms.

In order to receive the best results, experimentation with colour is necessary. Yamasmit advises that if you are not sure about one colour you can experiment by painting just one wall before you decide to do the whole room. You can view the room during the nighttime and daytime to see if it feels right.

If you find yourself panicking while looking at your bright orange walls and green ceiling right now, do not fret! Just cautiously pick up the paint brush and use the helpful tips in this article to guide you.

The Future is Electric!!!

As oil prices rise, the pressure is mounting on the government to articulate a clear energy policy that begins to shift the focus from fossil fuels to environmentally friendly ones that don't increase in price every week. While it is important that a forward-looking energy policy be set in place quickly, it is even more important that it be set wisely.

In Thailand, the current push for E85 (85% ethanol) fuel for up to 60% of all passenger vehicles in Thailand in the near future, and to assure that a healthy percentage of those vehicles are manufactured in Thailand, is an example of a policy that may have been hatched too quickly. For one, major automobile manufacturers already operating in Thailand are not yet satisfied with the government's incentives for them to begin production of E85 cars here. Representatives of the 14 automakers gave this assessment to Industry Minister Suwit Khunkitti at a meeting in Pattaya early in the month. The government has offered to reduce the excise tax on E85 cars made in the country to 25% for small engines.

A bigger obstacle is likely to be the production of enough ethanol to power all those vehicles. At the present time the nation's ethanol producing plants are unable to supply enough fuel for use in E20 vehicles.

If such a dramatic production increase can be accomplished, care will have to be taken that it doesn't come at the cost of a drastic reduction in land available for agricultural production. Then too, studies indicate that the overall environmental benefit - and petrol savings - of biofuels is often negligible or nonexistent due to the "carbon footprint" involved in growing and producing the fuels.

Minister Suwit has indicated that the government would be willing to sweeten the deal for E85 auto manufacturers in order to realise its dream of making Thailand a hub for eco-friendly vehicle production. While this is a highly worthy goal, it might be worthwhile to take another look at the future of automobile manufacturing, which many believe is electric. Hybrid petrol/electric cars which generate their own electricity are already being mass-produced and get the kind of gas mileage that makes them, all things considered, probably more eco-friendly than ethanol vehicles.

It is quite encouraging, therefore, to see the recent announcement from Toyota Thailand that it will begin the production of hybrid petrol/electric Camrys in Thailand later this year, and within three or four years will be producing around 10,000 hybrid cars a year. Especially encouraging is that, according to Toyota Thailand president Mitsuhiro Sonoda, the government is offering a 10% excise tax on the cars, much lower even than the 17% offered to manufacturers of the eco-car. It's not known at this time if the hybrid car will be cheaper than the regular 100% petrol version because of the tax break, but around the globe, wherever they are sold there is a waiting list for hybrid cars, and doubtless this will be the case in Thailand.

Nevertheless, more incentives should be considered; 10,000 hybrid cars a year won't make much of a dent in the country's dependence on foreign oil, nor will it do much to reduce greenhouse gas emissions. Conservation and efficiency are probably the best tools in the near term to accomplish these important goals.

Planting the seeds for a hybrid automobile hub in Thailand makes excellent financial and environmental sense. For the longer term, Thailand's leadership should be thinking about attracting makers of 100% electric cars. The key to real success will be in producing the electricity in an environmentally sustainable way.

P.S. Do you agree in this? Is it possible in Thailand to use electric substitution?

If one day we have use it, it's gonna be friendly to our environment for sure. But, it will be at higher price than another because you must pay for new technology.

Energy Bars

Energy bars

Energy bars can give you a needed boost--but they're no replacement for food.

Created to fuel endurance athletes, energy bars have morphed into a confusing array of varieties: protein bars, cereal bars, snack bars, "nutrition for women" bars, and bars aimed at dieters of every persuasion, from low fat to low carb. Americans have recently spent more than $1.4 billon a year on such bars, responding to marketing claims promising world-class energy and less waist.

WHAT'S AVAILABLE

Energy bars we tested can be divided into three categories: higher in protein, moderate in protein and carbohydrates, and higher in carbohydrates.Among the best-selling higher protein bars are Carb Solutions, Atkins Advantage, and Balance. Among bars moderate in protein and carbohydrates, Clif LUNA, Ultra-Slim Fast, and Power Bar Pria lead the market. The top-sellers among higher carbohydrate bars are Power Bar, Clif, and Power Bar Harvest.Makers of cereal and granola bars include Quaker, Kellogg's, Nature Valley, and Kudos.


NUTRITION

Many energy bars are aimed at people on particular weight-loss plans. Bars do offer dieters a few advantages. They provide automatic portion-size control. And if you would otherwise skip a meal, eating a convenient bar can keep you from getting too hungry and bingeing later on.

Not all energy bars live up to their good-for-you image, and marketing labels can be a poor guide to what's actually inside. Contents vary widely even within the category of energy bars, our review of ingredients found. Many bars rely on vitamin and mineral fortification to help distinguish themselves from mere candy, but some overdo it. Several of the bars we looked at provide 100 percent or more of the recommended Daily Value for one or more vitamins or minerals. And check labels for calories and sugar.

Chronic overconsumption of some vitamins and minerals can cause health problems. Check labels and remember that you might be getting additional vitamins and minerals from taking a daily multivitamin and eating other fortified food. To play it safe, don't regularly exceed 100 percent of the Daily Value for any vitamin or mineral.

In addition, the quality of nutrition you get may be inferior to that of real food. For example, in a few bars some protein comes from low-quality sources such as collagen or gelatin, which have fewer essential amino acids. Check the ingredients list for high-quality sources such as milk (whey or casein), egg, or soy. Many bars contain artery-clogging saturated fats such as palm-kernel oil. And some contain partially hydrogenated oils (indicating the possible presence of trans fat, another artery clogger). While the big-brand bars we evaluated did not contain "extras" such as caffeine, ginseng, guarana, or ephedra (the stimulant that's been linked to health problems and fatalities), some products may. So scrutinize labels and avoid bars with unnecessary or questionable additives.

HOW TO CHOOSE
Recommendations. Energy bars do indeed provide energy, although that's just a fancy word for the calories derived from protein, carbohydrates, and fats that our bodies burn to fuel activity. And bars pack plenty of calories for their size. They may also satisfy you less than the larger volume of real food you can eat for the same calories.

If you need an energy boost during the day, or before or after an exercise session, bars won't do anything for you that ordinary food won't do. And real food is apt to be more satisfying.

When it comes to snacks, however, bars can have a nutritional edge over candy. But don't depend heavily on bar foods to supply high-quality nutrition. And remember that most bars have too few calories to really qualify as a meal, so supplement with fruit, vegetables, or low-fat yogurt or cheese.

Tea and the Tea Ceremony

"The simple elegance and subdued beauty of celadon tea ware adds quiet peace to a relaxing moment with a cup of your favorite tea."

Tea History

Tea was fist discovered about 2700BC and was first cultivated around 350AD in China. The first recorded tea ceremony was held in China about 800AD but in Korea the first offering of tea to an ancestral god was believed to have been performed in the year 661. Since then tea culture in Korea developed initially as a way to make Buddhist offerings during ancestral worship, but eventually was embraced by the Confucian scholars, and the Taoists as well. The Buddhists felt the stimulating effect of the tea helped to bring them closer to the gods or ancestors. Later, the Confucian scholars during the Chosun Dynasty embraced the tea ceremony both as a way to make offerings to the ancestors, but also as a formal rite to be used during meditation and to help them relax and focus the mind. In fact, the use of the tea ceremony was so prevalent among the literati or scholars of the time (who were frequently also government officials) that it became a common practice during meetings of government officials and became almost a part of the job. We can see the lingering effect of that today in modern Korea in which most business meetings are accompanied by a mandatory cup of tea or coffee. The Taoists also embraced tea drinking and the tea ceremony as a way of helping them find the "way" - the way to spiritual enlightenment - and to purify the mind. Today it is still used as a way to help one meditate, purify the mind, and reach spiritual enlightenment.

Types of Korean Green Tea

Korean green tea can be roughly classified into three categories based primarily on the time the tea leaves were picked. The fist category is called U-jeon (우전) and consists of the first tea leaf buds that appear around April 21. Of course the time varies slightly each year, but these first buds of the leaves are picked before they become too large and are used to make tea with the most delicate flavor and fragrance. The second classification is called Se-jak (세작) and are the slightly larger leaves that appear about 14 days after the first harvest. The third picking, Jung-jak (중작) are picked about 14 days after the second and all consecutive pickings for the rest of the year are classified as Dae-jak (대작). These last pickings are what is used to make most of green tea supplied in tea bags. It consists of pieces of larger tea leaves and has a stronger, somewhat harsher flavor than the first three pickings.

Caffeine in Green Tea

While it is widely believed that green tea has less caffeine than other teas such as oolong, that is not necessarily true, and studies have found that all teas have about the same amount of caffeine. Green tea in teabags, however, does have slightly less caffeine than the more expensive teas and this can be attributed to the larger, lower quality leaves used in teabags. If caffeine is a concern for you, there is a method for removing a great deal of the caffeine in green tea. After steeping the leaves for the first time for several minutes, throw away the first batch of tea and you will be throwing away about 50% of the caffeine contained in the leaves as well.

Preparing Green Tea

Korea has eight provinces and while each province has its own unique method of preparing green tea, below is a common method that is familiar to all the provinces. The most basic equipment needed is a tea pot and cups. And while it is also nice to have a cooling bowl, it is not a necessity. Great tea can also be made using a teacup set with a internal strainers. It is also nice to have a tea container, but again, it is not a necessity.

Using a tea set with a cooling bowl: Boiling water is too hot to make green tea - the extreme heat can burn the leaves and it tends to draw the bitter flavors out of the leaves. Boiling water should first be poured from the tea kettle into the cooling bowl where it should sit for a several minutes to attain the desired temperature. While the water cools, place the tea leaves into the pot. The chart below shows the amount of tea that should be used based on the number of cups of tea to be served (there are many different types of green teas, the chart below is a generalization based on the most common types). Refer to the instructions for your particular type of tea for the amount of tea and steeping time that best suits your tea.

Once the water is cooled, it is ready to be poured into the pot. After letting it steep for 2 ½ minutes, it should then be poured equally into the cups, and sipped slowly for maximum enjoyment. For a teapot set without a cooling bowl, the boiling water may first be poured into the cups and then left to cool in them for several minutes before it is poured into the teapot. The tea leaves should be used three times, and then washed out of the teapot with water.
Using a cup set with strainers: Again boiling water is too hot to make green tea so the water can either be let to cool some in the kettle, or poured into the cups with the strainers removed. The strainer can be placed on its lid and the tea can be put into the strainer while the water is cooling in the cup. After the water is cooled the strainer can be lowered into the water and then removed and placed back on the lid after steeping.

Water

While many think the quality of the water cannot have an impact on the taste of the tea, nothing could be farther from the truth. The taste and fragrance of the better teas are so delicate that the wrong water - that is water containing chlorine, hard minerals, or other additives - can destroy the delicate aroma and taste of the tea. The best water to use for tea is fresh spring water or a good quality bottled spring water. The water can be boiled in any vessel but a non-reactive one is the best. Ceramic coated pots or teapots, are the best, while bare aluminum vessels are the worst as the aluminum is very reactive and tends to add a metallic flavor to the water.

Laying out the Tea Ware

The tea ware should be laid out on a small low tea table or a Gyo-ja-sang (교자상). Though the placement of the various pieces is different for each province and school of thought, below is listed a general guide that is the most common. As shown in the photo below, the teapot is placed on the right side of the table near the front (the side nearest the server). The cooling bowl directly beyond it, the tea container is placed in the center of the table, towards the back, and the cups placed on the left towards the back and usually face down. A small spoon and a small scoop are usually placed either between the teapot and the cooling bowl, as shown here, or beyond the cooling bowl on the back edge of the table. To the right of the table is either a kettle with boiling water, a thermos with hot water, or as in this case, both. Prior to the ceremony beginning the entire table and the tea ware should be covered with a cloth. There is also usually a waste water bowl to the side for discarding the unused water and used tea leaves.

Preparing the Tea

Drinking green tea is an art in itself, and the rhythm and ritual of the ceremony is an aid to help the mind relax and achieve a higher level of spiritual enlightenment. In order to achieve that, the following movements are all performed with slow grace, and in a very smooth, controlled and artful motion. First the cloth cover is removed from the top of the table and the tea ware. Next with the right hand the lid of the tea container is removed and placed on a stand (not shown) or on the table in front of the container, and then the lid of the teapot is removed in the same manner. Then with the left hand the tea container is picked up, and with the right hand the spoon is used to place the proper amount of tea in the teapot. The tea container is then returned to its place and the lid restored At this time, hot water from the kettle is poured into the cooling bowl and one must wait the appropriate amount of time for the water to cool sufficiently - generally one to two minutes. After the water is cooled, the bowl should be lifted with two hands and the water poured gently into the teapot, then the cooling bowl placed back on the table. The lid is then placed on the teapot, and the tea is allowed to steep for the proper amount of time (in some cases, water from the cooling bowl is also poured into the teacups to pre-heat them, and then poured out into the waste water bowl). The tea is then poured into the cups and served. After drinking the first cup of tea, the last steps of pouring the water into the cooling bowl, then into the teapot, and then into the cups is repeated two more times. Each time a serving of tea leaves is placed in the teapot they are steeped three times.

Drinking Green Tea

As mentioned above, the tea leaves should be steeped three times, and each time a cup of tea is served, the cup should be sipped from three times, sipping about a third of the cup each time. The tea drinkers should be seated on the floor either on their legs, or cross-legged in front of the serving table. After the tea is poured into the cups, the cup should be picked up with the right hand and the left hand placed flat under the cup and then with the elbows slightly out to ones side, the hands and cup are brought up together to the mouth. Prior to sipping the tea, the delicate fragrance of the tea should first be enjoyed by holding the cup under your nose and inhaling deeply. After a moment, the tea should be sipped lightly and rolled over the tongue while savoring the fragrance and taste. After the tea is swallowed there remains an aftertaste that should be enjoyed for its own unique flavor before taking your next sip of tea. After the first sip, the cup is then brought down to the level of the belly and held there while the drinker breathes and clears the mind of thoughts while focusing ones energy into the area of the body behind the belly button. After the second sip of tea the cup should be brought to the middle of the torso, and again, one should breathe, clear the mind of thoughts and feel the energy flow from the middle of the chest. The third and last sip should drain the cup, and then the cup is brought down to the upper part of the chest and the breathing, mind clearing and energy focusing repeated.

Enjoying the Experience

Green tea is said to be an aid to digestion after a meal and some claim it helps the complexion as well. It has no calories and is much lower in caffeine than coffee. But the real joy in drinking green tea is the experience. Drinking green tea should be a calming experience that brings peace to your soul, and calms your nerves while allowing you time to think, dream or simply enjoy the fragrance and taste of the tea.

Watch Buying Guide

The first thing to consider when buying a watch is, what is its purpose? Will you use it to time your lap speed, your flying speed, or your lunch hour? The wide availability of watch styles and features allows you to pick the watch that fits your needs, style, and taste perfectly.

Form & Function

This list below will help you choose the right features for your purposes:

Casual

Look for casual features that ensure you can keep your mind on taking it easy. Choose a watch with a comfortable band and higher water resistance so you don't have to worry about your watch when you're reaching in the cooler for a drink or slipping in for a swim. View our casual Skagen watches for men and women.

Dressy

For a more formal look, choose a watch that matches your attire. A stainless steel bracelet band and a black face perfectly match a black sweater and gray pants. Or if you wear a leather belt, choose a watch with a matching black or brown leather band. Michele and Bulova watches for women feature luxury touches like diamond and gemstone bezels, and Skagen offers watches for men and women with cutting-edge Scandinavian design.

Diving
Look for screw-down crowns and casebacks and extreme water resistance. Also, a unidirectional bezel helps you keep an eye on how long you've been underwater. View our Seiko and Chase-Durer watches for men featuring screw-down casebacks and crowns, and water resistance to at least 330 feet or deeper.

Racing

Whether you're in a car, a plane, on a bicycle, or on foot, these watches will help you measure your time. To find your miles per hour, rotate the tachymeter to target your exact speed, then set the elapsed timer to pinpoint the distance you covered. Some watches even store lap times and split times. View our men's racing watches by Festina, the official racing watch of the Tour de France, and our Chase-Durer watches for men, built specifically for racing and flying with navigational slide rule bezels and tachymeters that help you measure speed over time.

Euro Craze

As the Euro marches on, the need to stay up and watch late games increases. It seems like an overwhelming feeling that takes over the whole Thai population. Soccer, or football in its earliest term is one of, if not, the most popular sport in Thailand and it is not a surprise that we are such fanatics about it. With England not qualifying, the hype does go down a bit with the premier league being the top league in Thailand, broadcasting over frequently.
That being said, there are still many teams keeping the hype up, including the likes of Portugal, Germany, Spain (I’d like to mention Italy, with them being my favorite team and the current world champions, but their first round defeat was just so overwhelming that I don’t want to mention it). As of now, Germany and Holland are probably the top two ranked teams to win this tournament with Portugal and Spain a close second. It’s not easy to predict the winner of the Euro, especially when your favorite team is probably going to be knocked out soon, but I’ll stick my neck out and say that I think it’s going to be a tossup between Germany and Spain.
As for the past games this week, every team has played their 1 match and we’ve seen the teams classified as follows:
“Fun to watch” – Germany, Spain and Netherlands
“Boring to watch” – Switzerland, France, Romania
“Not good enough to be in the tournament” – Austria
“THE MOST BORING TEAM OF THE TOURNAMENT” – Greece without a shadow of a doubt. If anyone had seen the last game they played against Sweden, everyone would understand what I mean. Basically they kept 3 guys at the back, standing there, just not moving at all. They were stationary players who would pass the ball around back and forth until the opposition came to take the ball. The worst half I’d seen in a long time that Sweden VS Greece game!
Either ways, to cut a long story short, we’re looking at quite a competitive Euro to come and lets all pray and hope that Italy make it through, because in the end (and of course I’m being biased here), what’s a tournament without Italy in the deeper rounds J.

P.S. – good luck to all the bet-ters around as well. You’re all going to need it! It’s definitely going to get harder to predict the winners as the round goes on.

SATC = Sex And The City

ถ้าพูดถึง SATC หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร แต่ถ้าเป็น fan series เรื่อง sex and the city หล่ะก็ต้องร้องอ๋อแน่นอน เราเองก็เป็นแฟนของ serie เรื่องนี้และได้มีโอกาสไปดูหนังเรื่องนี้ตั้งแต่วันแรกที่เข้า (5 มิ.ย)



Sex And The City เรื่องราวความรัก ความผูกพัน ระหว่างเพื่อนสาว 4 คน ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในมหานคร New York



สาวคนแรกซึ่งเป็นตัวเด่นของเรื่องนี้คือ Carrie Bradshaw มีอาชีพเป็นนักเขียนคอลัมน์โดยอาศัยเรื่องราวประสบการณ์จากชีวิตรักของเพื่อนๆของเธอ



คนต่อมาคือ Miranda Hobes ทนายสาวที่ประสบความสำเร็จในชีวิตการงาน แต่ค่อนข้างมีอุปสรรคในเรื่องราวของความรัก มักมีปัญหามาจากความไม่เข้าใจกันในครอบครัว



คนที่สาม Samantha Jones สาวเปรี้ยว เปรี้ยวมากๆ เป็นคนที่มั่นใจในตัวสูงสุดขีด และเป็นผู้หญิงที่เก่งทุกเรื่อง หลายคนอยากเป็น Samantha เพราะบุคคลิกที่เก๋ โฉบเฉี่ยว เก่งทุกเรื่อง ที่สำคัญ Samantha มีแฟนอายุน้อยกว่า (มีแฟนเด็กนั่นเอง)



สาวคนสุดท้าย Charlotte York สาวหวาน เรียบร้อยมากกก (กรุณาลากเสียงตาม) จนคิดว่าไม่น่าจะมารวมกลุ่มกับสามสาวด้านบนได้



สำหรับหนังเรื่องนี้ถือว่าทำออกมาใช้ได้เลยทีเดียว ดีกว่า The Devil Wears Prada

SATC The Movie เรื่องมีชื่อตอนด้วย ชื่อว่า Get Carrie Away เพราะว่าในเรื่องนี้ Carrie จะแต่งงาน การดำเนินเรื่องส่วนใหญ่ จะนำโดย Carrie ซึ่งเป็นตัวเอกของเรื่องนี้



หนังเรื่องนี้อาจจะดูไร้สาระสำหรับผู้ชายบางคน แต่เรื่องนี้ตั้งใจจะสื่อออกมาคือ มิตรภาพระหว่างเพื่อน ทั้งสี่สาวถึงแม้ว่าอะไรหลายๆอย่างที่ต่างกัน แต่ทุกคนก็รักกันมาก พร้อมที่จะเผชิญปัญหาไปพร้อมๆกัน คอยช่วยเหลือกันตลอดเวลาที่เพื่อนมีปัญหา พร้อมที่จะร่วมทั้งทุกข์และสุขไปพร้อมกัน เวลาเศร้า เสียใจ ก็ร้องไห้ไปพร้อมๆกัน ไม่มีการแทงข้างหลัง ไม่มีการเอาไปนินทาด่าว่าเสียๆหายๆลับหลัง



ในหนังจะสังเกตได้ว่า จะมีฉากที่ Miranda เข้าไปพูดกับ Big ซึ่งกำลังจะแต่งงานกับ Carrie แล้วเกิดทำให้ Big เปลี่ยนใจไม่แต่งงาน จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตนั้น ภายหลัง Miranda ก็เอ่ยปากพูดกับ Carrie ตรงๆว่า เธอมีส่วนทำให้ Big เปลี่ยนใจไม่แต่งงาน ถึงแม้ว่า Carrie จะโกรธมากๆ แต่ด้วยความที่ Miranda เปิดปากพูดออกมา อย่างน้อยก็ทำให้ Carrie ได้รู้ถึงสาเหตุในการยกเลิกการแต่งงานในครั้งนั้น และก็เข้าใจกันในที่สุด และตอนที่ Carrie เสียใจ อกหัก ผิดหวัง เพื่อนทุกคนก็คอยปกป้อง คอยให้กำลังใจตลอดเวลา



ในชีวิตนี้จะมีสักกี่คนที่จะเข้าใจเราจริงๆ รักเราจริงๆ คอยเป็นห่วงเป็นใย ดูแลเราตลอดเวลา เวลามีปัญหาหรือต้องการคำปรึกษา เราสามารถคุยกับเค้าได้ในทุกๆเรื่อง ไม่มีเรื่องอะไรที่ปิดบังกัน คนคนนั้นอาจจะไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นแฟนหรือเพื่อน ขอแค่มีความรักและเข้าใจเราเท่านั้นก็เกินพอแล้วไม่ใช่เหรอ



สำหรับเรา เราได้เจอคนคนนั้นแล้ว คนที่ไปดูหนังเรื่องนี้กับเรา แล้วคุณหล่ะเจอคนดีๆกับมิตรภาพดีๆ แล้วหรือยัง....?